Quantcast
Channel: How To – iPhoneMod
Viewing all 87 articles
Browse latest View live

สมัคร Apple ID ฟรีโดยไม่ต้องใช้ iTunes บนคอมหรือผ่าน iPhone

$
0
0

นอกจากวิธีสมัคร Apple ID, iTunes account ฟรีไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ที่ผมเคยแนะนำไปแล้ววันนี้มีอีก 1 วิธีสำหรับการสมัคร Apple ID โดยไม่จำเป็นต้องทำผ่าน iTunes และสามารถสมัครได้ฟรีเช่นกันแถมวิธีการไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใด พร้อมแล้วไปชมกัน

ขั้นที่ 1 เข้าไปที่เว็บ https://appleid.apple.com เลื่อนลงล่างสุดแล้วเลือก สร้าง Apple ID ของคุณ

apple-id-01

ขั้นที่ 2 กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน(กรอกเป็นภาษาอังกฤษ) เมื่อครบแล้วให้กด ดำเนินการต่อ ที่ด้านล่าง

apple-id-02

ขั้นที่ 3 ทาง Apple จะส่งอีเมลพร้อมรหัส 6 ตัวเพื่อยืนยันตัวตอน ให้นำตัวเลขเหล่านั้นมากรอกให้เรียบร้อยแล้วกด Verify

apple-id-03

เพียงเท่านี้การสมัคร Apple ID  ก็เสร็จแล้วเรียบแล้วกว่า 80%

ขั้นที่ 4 เปิด App Store ที่ iPhone, iPad จากนั้นล็อกอินด้วย Apple ID ที่เพิ่งสมัครในด้านบนแล้วระบบจะให้ยืนยันอีกรอบโดยการกรอกข้อมูลเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยได้แก่

  • คำนำหน้าชื่อ (ต้องเลือก) เช่น นาย นาง นางสาว, Mr. Mrs. Miss
  • ที่อยู่ แนะนำว่าให้ใส่ให้ถูกต้องตามจริงโดยกรอกเป็นภาษาอังกฤษ
  • เลือกการชำระเงินสามารถเลือกเป็น None (ไม่มี) เพื่อไม่ต้องกรอกบัตรเครดิต

เมื่อกรอกครบแล้วก็พร้อมสำหรับการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันต่างๆ จาก App Store ได้แล้ว ทั้งนี้สามารถนำ Apple ID ไปล็อกอินเข้าใช้งาน iCloud  (ไปที่ Settings> iCloud) เพื่อจะได้ใช้ฟีเจอร์อย่างการสำรองรายชื่อ, สำรองโน็ต, ค้นหา iPhone ของฉันและรับเนื้อที่เก็บไฟล์ฟรี 5GB  (ถ้าไม่ล็อกอินเข้า iCloud บน iPhone, iPad จะได้เนื้อที่ iCloud เพียง 1 GB)

เกร็ดความรู้

Apple ID สามารถใช้กับ App Store, iTunes Store, Mac App Store และใช้บริการอื่นๆ กับทาง Apple ได้หมด นั่นคือ ID เดียวสามารถทำได้ทุกอย่างนั่นเอง

วิธีการนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการสมัคร Apple ID โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้ง iTunes ลงคอมพิวเตอร์ให้เสียเวลาและเหมาะสำหรับการช่วยสมัคร Apple ID ให้คนอื่นโดยไม่ต้องล็อกเอ้า Apple ID บน iTunes ของเรานั่นเอง

The post สมัคร Apple ID ฟรีโดยไม่ต้องใช้ iTunes บนคอมหรือผ่าน iPhone appeared first on iPhonemod.


แนะนำ 5 วิธีในการกู้คืนรูปถ่ายที่ลบไปแล้วใน iPhone โดยผู้ชำนาญ

$
0
0

หลายคนอาจจะเผลอลบรูปใน iPhone แล้วเกิดความต้องการที่จะได้ภาพเหล่านั้นกลับมาเราจะมีแนวทางใดที่ทำได้บ้าง ทีมงานรวบรวมข้อมูลมาแจ้งให้ทราบดังนี้ครับ

วิธีที่ 1 เช็คที่ Recently Deleted หรือ ที่เพิ่งลบล่าสุด

ใน iOS 8 และใหม่ว่าจะมีฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Recently Deleted หรือที่เพิ่งลบล่าสุด ให้มาด้วย ถ้ารูปไหนที่ถูกลบแล้วจะถูกเก็บไว้ที่นั่นก่อน (สเหมือนเป็นถังขยะเก็บรูปที่เพิ่งจะลบ) ซึ่งเราสามารถเข้าไปในนั้นแล้วเลือกรูปที่ต้องการกู้กลับมาไว้ที่ Photos ของเราเช่นเดิม

recently-deleted-01 recently-deleted-02

วิธีที่ 2 เช็คที่ iCloud.com

icloud-photo

หากใครเปิด iCloud Photo Library เอาไว้สามารถเข้าไปตรวจสอบรูปถ่ายที่ถูกอัปโหลดขึ้นไปเก็บไว้บน iCloud ผ่านคอมพิวเตอร์ โดยเลือกดูว่ารูปที่ต้องการนั้นอยู่บนนั้นหรือเปล่า เผื่อว่ารูปบางส่วนนั้นยังแสดงอยู่ในนั้นเราสาสามารถดาวน์โหลดรูปหรือวีดีโอเหล่านั้นลงมาเก็บที่คอมพิวเตอร์ได้

วิธีที่ 3 กู้รูปจากไฟล์ iTunes Backup

Screenshot 2016-03-10 11.25.12

ปกติถ้าเราเชื่อมต่อ iPhone เข้ากับคอมพิวเตอร์แล้ว iTunes มักจะชอบสำรองข้อมูลของเครื่องเราเอาไว้บนคอมพิวเตอร์(บางทีเราอาจจะไม่ได้สังเกตว่ามันสำรอง) ดังนั้นอีกหนึ่งทางเลือกก็คือการแตกไฟล์สำรองข้อมูลเหล่านั้นออกมา ซึ่งผมสอนไว้แล้วอ่านได้ที่

วิธีที่ 4 Restore จาก iCloud Backup

ถ้าหาก Apple ID เปิด iCloud Backup เอาไว้แล้วหาก iPhone เชื่อมต่อ WiFi ระบบ iOS จะอัปโหลดข้อมูลสำรองของเครื่องไปเก็บไว้ที่ iCloud ซึ่งสามารถเรียกกับมาใช้งานโดยการ Restore ข้อมูลเหล่านั้นได้ หากใครสงสัย(หรือไม่มีอะไรจะเสียแล้ว) สามารถลองกู้ข้อมูลจากที่นี่ดู

วิธีการคือ ล้างเครื่อง(ด้วยวิธีที่ 1) แล้วระหว่างขั้นตอนการ Setup iPhone ครั้งแรกนั้นให้เลือก Restore from iCloud Backup

restore-icloud-backup-02

คำแนะนำหากทำการ Restore from iCloud Backup ควรจะใช้ WiFi ที่แรงระดับ 20Mbps ขึ้นไป เพราะว่าไฟล์นั้นมีขนาดใหญ่อาจจะต้องใช้เวลาในการกู้ข้อมูลที่ค่อนข้างนานและแนะนำว่าให้เสียบชาร์จ iPhone ระหว่างการกู้ข้อมูลด้วยนะครับ

วิธีที่ 5 เช็คใน LINEและ Facebook , แอปกล้องอย่าง 360 Camera

กรณีที่ 5 นี้ถือเป็นของแถมนะครับอธิบายเป็นแนวทางดังนี้

LINE  ให้เช็คดูในห้องแชทหรืออัลบัมต่างๆ เผื่อว่าเราเคยอัปโหลดรูปไปเก็บไว้ในนั้น สามารถดาวน์โหลดลงมาเก็บในเครื่องได้อีกที

Facebook และ Facebook Chat ถือว่าเป็นอีกแหล่งที่เราเก็บรูปไว้ค่อนข้างเยอะ บางคนเลือกตั้งให้อัปโหลดรูปไปเก็บไว้ในนั้นสามารถตรวจสอบเผื่อว่าจะเจอรูปที่ต้องการ

360 Camera หรือ VSCO ตัวอย่างแอปเหล่านี้คือเราทำการถ่ายรูปหรือ Import รูปไปในแอปก่อนที่จะตกแต่งภาพแล้วค่อย Export รูปออกมาใช้ (เรียกไฟล์เหล่านั้นว่าต้นฉบับ) บางคนยังไม่ได้ลบไฟล์ต้นฉบับออกสามารถเข้าไปเช็คที่แอปดังกล่าวแล้วทำการ Export ออกมาอีกครั้งก็ได้

จบลงไปแล้วกับแนวทางการกู้รูปถ่ายที่เราเผลอลบและอยากได้มันกลับคืนมาซึ่งวิธีที่นำเสนอไปนั้นผมนำมาใช้เป็นการส่วนตัวและค่อนข้างที่จะได้ผล โดยเฉพาะวิธีที่ 2,3,4 นั้นช่วยได้เยอะมากเลยทีเดียว หลายคนมักจะมองข้ามหรือว่าทำไม่เป็น ดังนั้นอย่าเพิ่งสิ้นหวัง ลองทำดูก่อนเผื่อว่าเราจะได้รูปที่ต้องการกลับมานะครับ

บทความโดย iPhoneMod.net

The post แนะนำ 5 วิธีในการกู้คืนรูปถ่ายที่ลบไปแล้วใน iPhone โดยผู้ชำนาญ appeared first on iPhonemod.

ผูกบัตรกับ Apple ID แล้วทำไมจึงถูกตัดเงินถึง 2 ครั้งแล้วจะได้คืนไหม?

$
0
0

appstore-deduct-credit

หลายคนสงสัยว่าเวลาผูกบัตรเดบิตของธนาคาร, True Wallet หรือ K-Web Shopping เข้าไปใน Apple ID  เพื่อต้องการที่จะซื้อแอปจาก App Store แล้วทำไม Apple ถึงต้องตัดเงินถึง 2 รอบ รอบละ $1 หรือประมาณ 36.46 บาท(ตามรูป) วันนี้ผมมีคำตอบมาให้ทราบกัน

ตามข้อกำหนดของ Apple เกี่ยวกับการหักเงินการอนุมัติบัตรชำระเงินใน iTunes Store นั้นกำหนดไว้ว่า

iTunes Store, iBooks Store, App Store และ Mac App Store จะมีการหักเงินการอนุมัติในบัญชีบัตรชำระเงินเท่ากับราคาโดยประมาณของการซื้อ

เป็นการทดสอบเพื่อยืนยันว่าบัญชีบัตรชำระเงินมีการใช้งานอยู่ และมีเงินพร้อมดำเนินการทำธุรกรรมให้เสร็จสิ้น

หรือพูดง่ายๆ คือ “ทดสอบหักเงินจากบัตรว่าบัตรนั้นสามารถใช้งานได้จริงนั้นเอง” แล้วทำไมต้องหัก 2 รอบหละ?

apple-app-store-stock-image

หักรอบที่ 1

เกิดขึ้นเมื่อเราหรอกรหัสบัตรเข้าผูกกับบัญชี Apple ID ของเรา เพื่อเป็นการทดสอบว่าบัตรนั้นใช้งานได้จริง ดังนั้นเงินจำนวน $1 จะถูกตัดจากขึ้นตอนนี้ก่อน

หักรอบที่ 2

เกิดขึ้นเมื่อทำการซื้อ(โดยเฉพาะการซื้อครั้งแแรกหรือซื้อจากอุปกรณ์ใหม่) ทาง Apple ก็จะหักเงินอีกครั้งก่อนเหตุผลเดียวกันข้างต้น

ดังนั้นหากต้องการซื้อแอปอีกเราจะต้องมีเงินเหลือให้หักอีกครั้งนั่นเอง บางครั้งหลายคนสงสัยว่าจะซื้อแอปราคา $0.99 จึงเติมเงินเข้าบัตร (True Wallet) ไป 50 บาทแต่ทำไมยังซื้อแอปไม่ได้  คำตอบคือเงินไม่เพียงพอนั่นเอง

แล้วจะได้เงินคืนไหม?

คำตอบคือ “ได้คืน” ซึ่งจะได้คืนภายใน 2-4 สัปดาห์ทั้งนี้เราสามารถตรวจอีกครั้งที่ประวัติเงินในบัญชีเราได้จะพบว่ามียอดเงินเข้าประมาณ 35.xx บาท นั่นเอง

ทราบแบบนี้แล้วก็หายห่วงกันได้เลยนะครับว่าเงินที่ถูกหักไปนั้นไม่ได้เสียไปเปล่าๆ แต่ถ้าหากผ่านไปเป็นเดือนๆ แล้วเรายังไม่ได้เงินส่วนนั้นคืนแนะนำว่าให้ติดต่อกับทาง Apple Support ได้เลยนะครับ

นอกจากนี้ทางไทยรัฐได้นำเสนอเรื่องนี้ว่าอย่างน่าสนใจกับ เดบิต ซื้อแอพ หักเงิน! ล้วงเรื่องลับ Apple กับแบงก์ไทย ส่องรายได้ ใครเป๋าตุง! ลองอ่านกันดูนะครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม Apple

The post ผูกบัตรกับ Apple ID แล้วทำไมจึงถูกตัดเงินถึง 2 ครั้งแล้วจะได้คืนไหม? appeared first on iPhonemod.

iPhone บันทึกชื่อภาษาไทยไม่ได้ใน iOS 8, 9 แก้ไขอย่างไร

$
0
0

หากไม่สามารถบันทึกรายชื่อผู้ติดต่อเป็นภาษาไทยได้เนื่องจากหน้าต่างแอปรายชื่อนั้นจะเด้งออก(crash) ทันทีที่พิมพ์ภาษาไทยเข้าไป สาเหตุเกิดขึ้นเพราะอะไรและจะแก้ไขปัญหานั้นอย่างไร

ที่มาของปัญหา

เนื่องจากพบว่าผู้ใช้เพิ่มคีบอร์ดภาษาญี่ปุ่นเข้ามาในระบบ(ตรวจสอบได้ตามลูกศรสีแดง) ถ้าหากพบว่ามีคีบอร์ดญี่ปุ่นอยู่จะพบว่ามีภาษาญี่ปุ่นเพิ่มเข้ามาใน PREFERRED LANGUAGE ORDER ด้วย

การแก้ไข

ให้ลบภาษาญี่ปุ่นใน PREFERRED LANGUAGE ORDER ออกโดยที่ไม่ต้องลบคีบอร์ดญี่ปุ่น โดยไปที่

  • Settings> General> Language & Region> Edit> Japanese> Delete> Done
  • การตั้งค่า> ทั่วไป> ภาษาและภูมิภาค> แก้ไข> ภาษาญี่ปุ่น> ลบ > เสร็จ

(ขั้นตอนตามลูกศรสีเขียว)
cant-save-thai-contact-iphone-fix-low

เพียงเท่านี้ปัญหาการ บันทึกชื่อภาษาไทย ไอโฟน ไม่ได้นั้นก็จะหายไป

ทั้งนี้คาดว่าเป็นข้อผิดพลาดในระบบที่เจอตั้งแต่ iOS 8.x สืบเนื่องมาจนถึง iOS 9.3.3 beta 1 ปัจจุบัน

ขอบคุณน้องโก้

The post iPhone บันทึกชื่อภาษาไทยไม่ได้ใน iOS 8, 9 แก้ไขอย่างไร appeared first on iPhonemod.

รวมวิธีซื้อแอป เพลง หนัง จาก App Store, iTunes Store และ Mac App Store ไม่มีบัตรก็ทำได้

$
0
0

buy-app-app-store

การซื้อแอปจาก App Store, เพลงและภาพยนต์จาก iTunes Store และแอปสำหรับ Mac บน Mac App Store นั้นไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด ยิ่งทาง Apple ปรับให้ร้านเหล่านั้นรองรับสกุลเงินบาทของไทยแล้วยิ่งดีเข้าไปใหญ่โดยเราไม่ต้องเสียส่วนต่างแปลงค่าเงิน แถมบางแอปนั้นเริ่มต้นเพียง 9 บาทเท่านั้น!

วันนี้ทีมงาน iPhonemod ขอรวบรวมวิธีการที่ว่า “หากต้องการซื้อแอป เพลง หนัง” จากร้านที่ว่านั้นต้องทำอย่างไร รวมวิธีการง่ายๆ ไปชมกันครับ

สำหรับผู้ที่มีบัตรเครดิตหรือเดบิต

Piggipo-Promote

บัตรเครดิตนั้นไม่มีปัญหาสามารถนำมาผูกเข้ากับบัญชีของ Apple ID ได้เลย ส่วนบัตรเดบิต(บัตร ATM) จากธนาคารนั้นต้องสอบถามกับทางธนาคารว่าสามารถใช้บัตรนี้ซื้อสินค้าออนไลน์ได้หรือไม่ ซึ่งต้องแจ้งความประสงค์กับทางธนาคารก่อนเพื่อให้ใช้บัตรเหล่านั้นได้

เมื่อบัตรพร้อมสามารถทำตามขั้นตอนตามบทความ วิธีลบหรือเพิ่มบัตรเครดิตให้ Apple ID ได้เลย  โดยเทคนิคคือต้องกรอกข้อมูลให้ครบและอย่าลืมเลือกคำนำหน้า (Title) ว่าเป็น นาย นาง Mr. Miss Mrs. เพราะส่วนมากคนจะไม่ใส่กัน และเรื่องของรหัสไปรษณีย์กับที่อยู่นั้นก็ไม่ควรที่จะใส่หรอกนะครับกรอกของจริงเข้าไปเลย

 

สำหรับผู้ที่ไม่มีบัตรต่างๆ

purchase-app-without-credit-card

มี 3 ทางเลือกให้คือ

  1. ใช้ True Wallet ซึ่งสามารถเติมเงินผ่านช่องทางต่างๆ ได้ อ่านวิธีซื้อแอป, สติกเกอร์ LINE สมัคร Apple Music โดยไม่ใช้บัตรเครดิตด้วย Wallet by Truemoney
  2. ให้เพื่อนส่งเป็นของขวัญ (Gift) จาก iTunes, App Store, Mac App Store มาให้ จากนั้นค่อยจ่ายเงินสดให้เพื่อนเรา ถือว่าเป็นอีกทางที่สะดวกและรวดเร็วและไว้ใจได้
  3. ถ้าหากเปิดบัญชีกับธนาคารกสิกรสามารถเปิดใช้ K-Web Shopping ได้ (วิธีการนี้อาจจะหลายขั้นตอนหน่อยแต่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำได้) อ่านวิธีการทำได้ที่ K-Web Shopping Card ซื้อ App ใน iTunes โดยไม่ใช้บัตรเครดิต

ทั้งหมดที่นำเสนอมานั้นอาจจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นแต่คิดว่าเพียงพอแล้วสำหรับการใช้ซื้อของใน App Store นะครับ ส่วนเรื่อง iTunes Gift Card นั้นยังไม่รองรับในประเทศไทย(ถ้าจะใช้ต้องใช้ ID ต่างประเทศเช่น US หรือ AU เป็นต้น)

ส่งท้าย

แอป เพลง หนัง ราคาก็ถูกลงแล้วค่าเงินก็ใช้เงินบาทได้แล้วและวิธีการซื้อก็ไม่ได้ยุ่งยาก วันนี้เรามาร่วมกัน

หยุด  การซื้อแอปจากแหล่งขายที่ผิดกฎหมายกันเถอะ

เพราะเงินที่คุณจ่ายไปแทนที่จะเข้ากระเป๋านักพัฒนาให้เพื่อให้มีกำลังใจในการพัฒนาแอปมาให้เราใช้ แต่มันกลับไปตกอยู่ในกระเป๋าพ่อค้าแม่ค้าหัวหมอที่บางคนนั้นไม่รู้เลยด้วยซ้ำกว่าการพัฒนาแอปแต่ละตัวนั้นต้องทำอย่างไรและมันมีต้นทุนทั้งความคิด แรงงานและทุนทางด้านอุปกรณ์ที่จะนำมาพัฒนามากเท่าไหร่

ดังนั้นหากเจอคนขายหรือผู้ใช้รายใดประพฤติไปในทางนั้นสามารถแจ้งเรื่องไปยังทางฝ่ายกฎหมายของ Apple ได้ที่ http://www.apple.com/legal/contact/ ได้เลยครับ

บทความโดย

ทีมงาน iPhonemod.net

The post รวมวิธีซื้อแอป เพลง หนัง จาก App Store, iTunes Store และ Mac App Store ไม่มีบัตรก็ทำได้ appeared first on iPhonemod.

ส่งเงินผ่าน iTunes Gift ในไทยได้แล้ว ชมวิธีการส่งเงินได้ที่นี่

$
0
0

send-itunes-gift-thai

Apple รุกหนักขึ้นเอาใจลูกค้าในประเทศไทยหลังจากปรับสกุลเงินให้เป็นบาทแล้ว ลดราคาแอป เพลง หนัง ใน Store แล้วล่าสุดสามารถเปิดให้ส่งเงิน(เติมเงิน) ให้ Apple ID อื่นผ่าน iTunes Gift เป็นเงินไทยได้อีกด้วย  ต่อไปใครไม่มีบัตรเครติดก็สามารถให้เพื่อนเติมผ่าน iTunes Gift ให้ได้เลย

วิธีการส่ง iTunes Gift จาก iPhone, iPad และ iPod touch

ส่งของขวัญเป็นจำนวนเงิน

  1. เปิด App Store
  2. เลื่อนไปยังด้านล่างของหน้าหลัก
    ใน Apple ให้แตะ รายการแนะนำ ในเมนูที่ด้านล่างของหน้าจอ จากนั้นเลื่อนไปที่ด้านล่างของหน้า
  3. แตะ ส่งของขวัญ (Send Gift)
  4. ล็อกอิน Apple ID
  5. ป้อนที่อยู่อีเมลของผู้รับ (Apple ID ของผู้รับเช็คดีๆ ระวังผิด)
  6. เพิ่มข้อความหากต้องการ (ใส่หรือไม่ก็ได้)
  7. แตะจำนวนเงินที่คุณต้องการส่งเป็นของขวัญ หรือแตะ อื่นๆ เพื่อป้อนจำนวนเงินอื่น (จำนวน 300-3500 บาท)
  8. หากคุณต้องการส่งของขวัญนั้นในภายหลัง ให้แตะ วันนี้ แล้วเลือกวันที่
  9. ที่มุมขวาบน ให้แตะ ถัดไป
  10. เลือกธีมสำหรับของขวัญ แล้วแตะ ถัดไป
  11. แตะ ซื้อ จากนั้นแตะ ซื้อ เพื่อยืนยัน

ผู้รับจะได้อีเมลแจ้งเตือนว่ามีคนส่ง iTunes Gift มาให้จากนั้นนำไป Redeem เข้าบัญชีของผู้รับได้เลย หลัง Redeem จำนวนเงินจะแสดงใต้ Apple ID ใน App Store

itunes-gift-iphone

หมายเหตุ การเติม iTunes Gift สกุลเงินไทยบาทสามารถใช้กับ Thai Store ได้เท่านั้น

วิธีการส่ง iTunes Gift จาก Mac, Windows

ส่งของขวัญเป็นจำนวนเงิน

เปิด iTunes แล้วล็อกอินด้วย Apple ID เลือก Send iTunes Gift ที่เมนูด้านขวา

itunes-gift-mac-01

ขั้นต่อไป

  • ป้อนที่อยู่อีเมลของผู้รับ (ห้ามผิด)
  • เพิ่มข้อความจะใส่หรือไม่ก็ได้
  • แตะจำนวนเงินที่คุณต้องการส่งเป็นของขวัญ หรือแตะ อื่นๆ เพื่อป้อนจำนวนเงินอื่น (หากต้องการเติมจำนวนเงินนอกเหนือนนั้นเลือก Other ใส่ยอด 300-3500 บาท)
  • หากคุณต้องการส่งของขวัญนั้นในภายหลัง ให้เลือก วันอื่น แล้วเลือกวันที่

itunes-gift-mac-02

กด Next เพื่อไปขั้นต่อไปและยืนยันการส่ง Gift

ฝั่งผู้รับต้องเช็คอีเมลแล้วไปกด Redeem iTunes Gift ที่ได้รับ เมื่อ Redeem เสร็จเห็นจำนวนเงินที่มุมขวาบนของ iTunes

itunes-gift-mac-03

สำหรับท่านใดที่สนใจเติมเงินเข้า Apple ID

สามารถสั่งซื้อได้ผ่านระบบออนไลน์ได้ที่นี่ (คลิกที่รูปบัตรเติมเงินได้เลย)

itunes-card-300

itunes-card-400

itunes-card-500

The post ส่งเงินผ่าน iTunes Gift ในไทยได้แล้ว ชมวิธีการส่งเงินได้ที่นี่ appeared first on iPhonemod.

ปิดการเพิ่มเพื่อน LINE จากเบอร์โทร เพื่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

$
0
0

not-allow-add-line

หากใครเจอปัญหามีคนมาแอด LINE  จากเบอร์โทรของเรา(แต่บางครั้งเราก็ไม่ได้อยากจะให้เขาแอด) วันนี้จะมาสอน วิธีปิดการเพิ่มเพื่อน LINE จากเบอร์โทร เพื่อป้องกันปัญหานี้คนแอด LINE มามั่วๆ โดยจะเหลือไว้เฉพาะคนที่รู้ ID LINE เท่านั้นถึงจะแอดเราได้

ขั้นตอนปิดการเพิ่มเพื่อน LINE ด้วยเบอร์

ไปที่ LINE> More (อื่นๆ)> Friends (รายการเพื่อน)

line-friends

ให้ปิดหัวข้อ

  • Add Friends (เพิ่มเพื่อน) ปิดเพื่อเราจะได้ไม่ได้เพิ่มคนอื่นๆ จากเบอร์โทรที่มีในเครื่องเรา
  • Allow Others to Add (อนุญาตให้ผู้อื่นเพิ่มเป็นเพื่อนได้) ปิดเพื่อไม่ให้คนอื่นเพิ่มเราเป็นเพื่อนจากเบอร์โทรที่เราได้ลงทะเบียนไว้กับ LINE

line-friends-not-allow-to-add

เพียงเท่านี้ใครที่มีเบอร์เราก็จะไม่สามารถเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้แล้ว เก็บไว้เฉพาะ ID LINE เอาไว้ให้คนที่เราอยากให้เพิ่มเราเป็นเพื่อนจะดีกว่า

The post ปิดการเพิ่มเพื่อน LINE จากเบอร์โทร เพื่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้น appeared first on iPhonemod.

รีวิว Whoscall บน iPhone โชว์เบอร์พวกขายประกันและบัตรเครดิต

$
0
0

พอกันทีกับการรับสายเบอร์แปลกที่โทรมาหาเราจะเพื่ออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งหากเราทราบก่อนแล้วว่าเป็นเบอร์จากไหนเราจะได้เลือกถูกว่ารับสายหรือไม่รับดี โดยการใช้งานแอปที่ชื่อว่า Whoscall ช่วยจัดการปัญหาเหล่านี้ เอาหละสำหรับ iPhone จะใช้งานยังไงให้สมบูรณ์มาชมกันเลยครับ

Screen Shot 2559-03-01 at 4.51.37 PM
รูปภาพ เป็นต่อ EP.71

ขั้นตอนการติดตั้งและใช้งานบน iPhone

ขั้นแรก ดาวน์โหลดแอปได้ที่ App Store ฟรี

ขั้นตอนที่ 2 เปิดแอปขึ้นมาแล้วล้อกอินด้วย Facebook หรือ Google ตามสะดวก

whoscall-iphone-1 whoscall-iphone-2

ขั้นตอนที่ 3 เลือกที่แถบที่สองด้านล่างซ้าย(รูปโล่) แล้วเลือก Activate Identified> Continue to Install

whoscall-iphone-3

ขั้นตอนที่ 4 ติดตั้ง Profile ลงที่ iOS โดยเลือก Install> จากนั้นใส่รหัส Passcode ของเครื่อง(หากเราตั้งรหัสผ่านไว้) >เลือก Install อีกครั้ง จากนั้นกด Done เมื่อเสร็จสิ้น

whoscall-iphone-4

ขั้นตอนที่ 5 จะกลับมาที่แอปอีกครั้ง จากนั้นจะเห็นแอปกำลังอัปเดตรายชื่อเบอร์โทรของที่ต่างๆ จากฐานข้อมูล เพื่อบันทึกลง iPhone อาจจะใช้เวลาดาวน์โหลดนานหน่อยเพราะฐานข้อมูลอาจจะใหญ่ และไม่ต้องกังวลว่ารายชื่อพวกขายบัตรเครดิตนั้นจะไปมั่วกับรายชื่อผู้ติดต่อของเครื่องเรานะครับ เพราะมันแยกออกจากกันแถมยังตั้งค่าให้ซ่อนได้

whoscall-iphone-5

แพ็กเกจนี้จะชื่อว่า Lightning Identification Pack (TH) ซึ่งจะประกอบไปด้วยรายชื่อเบอร์โทรของบริษัทต่างๆ เช่น ขายประกัน, สมัครบัตรเครดิต, ทวงหนี้บัตร, เสนอสินเชื่อ หรือแม้ประทั่งฟิตเนส ฯลฯ ขั้นตอนนี้จะใช้เวลาในการดาวน์โหลดข้อมูลที่ค่อนข้างนานดังนั้นควรรอด้วยความใจเย็น

หากอัปเดตรายชื่อเสร็จแล้วจะข้อมูล Version ตามรูป (อนาคตเวอร์ชันอาจจะใหม่กว่านี้)

whoscall-iphone-7 whoscall-iphone-8

ขั้นตอนที่ 6 ทำการซ่อนเบอร์ไม่ให้แสดงในรายชื่อผู้ติดต่อของเรา

whoscall-iphone-9

ไปที่ Contacts (รายชื่อ)> Groups (กลุ่ม) ให้เอาเครื่องหมายถูกตามรูปออกให้หมดแล้วกด Done (เสร็จสิ้นที่มุมบนขวา)

whoscall-iphone-10 whoscall-iphone-11

เท่านี้รายชื่อจากก็จะถูกซ่อน(แต่ยังอยู่ในเครื่อง สามารถลบออกได้หากถอนการติดตั้ง Profile ออกจาก iPhone) และทุกครั้งถ้ามีเบอร์ในริสโทรเข้ามาเราจะสามารถรู้ได้ทันทีว่าใครโทรมา ต่อไปก็อยู่ที่เราแล้วว่า “จะเลือกรับหรือไม่” เท่านี้ก็รู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้นแล้ว

สรุป

จากการใช้งานพบว่าแอปสามารถช่วยแสดงเบอร์จากบริษัทขายประกัน, ฟิตเนส, ขายบัตรสมาชิกโรงแรมและคอลเซนเตอร์มือถือได้เป็นอย่างดี เบอร์เหล่านั้นที่โทรหาเรายังโทรติดแต่ว่าเราสามารถเลือกที่จะรับหรือไม่รับก็ได้เพราะเรารู้แล้วว่าใครโทรมา ถือว่าช่วยได้เยอะมากครับ

แต่บางเบอร์ที่โทรเข้านั้นจะยังไม่แสดงอาจจะเพราะเป็นเบอร์ใหม่หรือว่าเราไม่ได้อัปเดตฐานข้อมูลรายชื่อของในแอปซึ่งจะต้องอัปเดตเรื่อยๆ

whoscall-notification-center

อีกทั้งเวอร์ชันล่าสุดที่ออกมานั้นมีการเพิ่มฟีเจอร์ที่น่าสนใจเข้ามาด้วยโดยการคัดลอกเบอร์แล้วเปิดที่หน้า Notification Center ก็จะสามารถทราบได้เลยว่าเบอร์เหล่านั้นมาจากรายชื่อในกลุ่ม blacklist หรือเปล่า

ลองเอาไปใช้งานกันดูครับ

ดาวน์โหลดได้ที่ App Store

The post รีวิว Whoscall บน iPhone โชว์เบอร์พวกขายประกันและบัตรเครดิต appeared first on iPhonemod.


Apple แนะวิธีแก้ปัญหา MacBook Pro ค้างเมื่อเปิดเว็บ

$
0
0

ก่อนหน้านี้เคยมีปัญหา ผู้ใช้บ่นอัปเดต OS X El Capitan 10.11.4 ทำให้เครื่องค้าง และแล้วในวันนี้ Apple ก็ได้ทราบถึงปัญหาพร้อมทั้งออกเอกสารชี้แจงวิธีแก้ไขปัญหามาให้ ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ของบริษัทฯ โดยระบุถึงเครื่องรุ่น MacBook Pro with Retina Display 13″ (ต้นปี 2015) ดังนี้

2011-macbook-pro

Apple แนะวิธีแก้ปัญหา MacBook Pro ค้างเมื่อเปิดเว็บ

สำหรับวิธีแก้ปัญหาไม่ใช่วิธีการซื้อเครื่องใหม่ (ฮา) แต่ก็คือการอัปเดท OS X และ Mac App Store รวมถึงทุกอย่างให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด สำหรับผู้ที่มีการติดตั้ง Flash Player ก็ให้อัปเดทเป็นเวอร์ชันล่าสุดด้วยเช่นกัน และสำหรับการกระทำเช่นนี้ก็มีผลตอบรับดีจากทางฝั่ง User ที่สามารถแก้ปัญหาการค้างแบบสุ่มได้เป็นปลิดพริ้ง

 

The post Apple แนะวิธีแก้ปัญหา MacBook Pro ค้างเมื่อเปิดเว็บ appeared first on iPhonemod.

ซื้อ iPhone ต้องเช็คอะไรบ้าง สำหรับการเลือกซื้อทั้งเครื่องใหม่และมือ 2 เวอร์ชัน 2016

$
0
0

จะซื้อ iPhone ทั้งทีสิ่งที่จะต้องรู้เมื่อ ซื้อ iPhone เช็ค จุดไหนยังไงบ้าง บทความนี้สามารถแนะนำคุณได้ เหมาะสำหรับการเลือกซื้อทั้งเครื่องใหม่หรือมือ 2 เพื่อจะได้เครื่องสภาพดี ไม่โดนยอมแมวขายแถมจะได้สบายใจทั้งคนซื้อ-คนขาย ทีมงาน iPhoneMod รวบรวมไว้ให้ที่นี่เลย

ซื้อ iPhone เช็ค จุดไหนบ้าง

เครื่องใหม่! ซื้อ iPhone เช็ค จุดไหนบ้าง?

ซื้อเครื่องใหม่ใครๆ ก็อยากได้ของใหม่และของดีเป็นเรื่องปกติ ถ้าใครซื้อเครื่องใหม่ iPhone รุ่นต่างๆ ที่ยังจะเรียกได้ว่า “มือ 1” นั้นก็มี iPhone SE, 6s Plus, 6s, 6 Plus,  6 และ 5s(ส่วนน้อยมากที่ยังเหลือ) เรามาดูกันว่าต้องเช็คอย่างไรบ้าง

iphone-6s-plus-rose-gold-gallery-4

เช็คภายนอก

แรกเริ่มกล่อง iPhone ของเราต้องอยู่ในซีลยังไม่มีการแกะใดๆ (แต่ถ้าซื้อเครื่องที่ไม่ใช่ที่ศูนย์ต้องดูต่อไปเพราะสามารถนำมาซีลใหม่ได้) ตรวจเช็คอุปกรณ์ของเครื่อง ต้องครบถ้วน และอยู่ในสภาพสมบูรณ์ สภาพตัวเครื่อง ฝาหลัง กรอบ จอ ไม่มีรอยตำหนิ และงานประกอบต้องสมบูรณ์ ไม่มีรอยแตกหรือแยก สามารถตรวจสอบได้โดยนำมาส่องกับไฟ ถ้ามีรอยแยกจะมีแสงลอดออกมา

ลองเขย่าเครื่อง ตัวเครื่องจะต้องประกอบแน่น เวลาเขย่าต้องไม่มีเสียง
ปุ่มกดต่างๆ ต้องแน่น ไม่หลวม หรือกดยากจนเกินไป และตอบสนองได้ดี

เช็คระบบภายใน

iphone-qc-check-01
รูปที่ 1 เช็ค Model, IMEI และตัวรับสัญญาณ เข้าไปที่ Settings (การตั้งค่า)> General(ทั่วไป) -> About (เกี่ยวกับ)

1. เช็คประกันด้วย IMEI

ถ้าเครื่องมือ 1 และใหม่แกะกล่องจริงประกันกับทาง Apple จะต้องไม่เดินหรือหมดไปแล้ว, IMEI หรือหมายเลขเครื่องเช็คได้ในตัวเครื่องและหลังกล่อง (ทั้ง 2 ที่ต้องเหมือนกัน)  ส่วนการเช็คประกันเข้าไปที่เว็บ https://checkcoverage.apple.com/th/th/ จากนั้นนำ IMEI ไปตรวจสอบ

2. เครื่องศูนย์ไทยหรือไม่ดูยังไง

เช็คยังไงว่าเป็นเครื่องศูนย์ไทยจริง Model ต้องเป็น TH ตัวอย่างตามรูปที่ 1 Model = MLXQ2TH/A เห็นแบบนี้แล้วมั่นใจเลยว่าเครื่องไทยแน่นอน

3. เช็คสัญญาณ + ซิมการ์ด

ใส่ซิมการ์ดของคลื่นในไทยเข้าไปจะต้องรับสัญญาณได้และลองโทรเข้าออกแบบนี้จะเรียกว่าเครื่อง Unlocked SIM สามารถนำไปใส่กับซิมใดๆ ก็ได้ทั่วโลก

4. ระบบสแกนนิ้ว หรือ Touch ID

touch id

สำหรับ iPhone 5s, 6, 6 Plus, 6s, 6s Plus และ SE จะมาพร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือ ดังนั้นต้องทดสอบเพิ่มลายนิ้วมือเสมอ เพราะถ้าสแกนไม่ได้จะไม่สามารถซ่อมได้ ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่เท่านั้น

5. ปุ่ม Home

ทุกรุ่นจะมีปุ่ม Home (ปุ่มตรงกลางที่อยู่บนหน้าจอด้านล่าง) ต้องทดสอบกดดูว่าตอบสนองหรือไม่

6. ปุ่ม Power

ปุ่ม Power หรือปุ่มปิดเปิดเครื่องกดได้ไหม ตอบสนองหรือเปล่า

7. ปุ่มเพิ่มลดเสียง

กด + ต้องเพิ่มเสียงและกด – เสียงต้องลด อย่าให้สลับกัน

8. ปุ่มเปิดสั่น (Sleep/Wake)

ปุ่มที่ใช้ปรับให้สั่นจะอยู่ด้านข้างซ้ายของเครื่องเหนือปุ่มปรับเสียง โดยหากเปิดโหมดสั่น ตัวเครื่องต้องสั่นด้วย เช็คการตั้งค่าการสั่นไปที่

  • Settings> Sounds> Vibrate
  • การตั้งค่า> เสียง> การสั่น

ลองปิดเปิด Vibrate on Ring (สั่นเวลาเสียงเรียกเข้า) และ Vibrate on Silent (สั่นเวลาเงียบ) ถ้าเครื่องสั่นก็ถือว่าปกติ

iphone-6s-plus-rose-gold-gallery-1-2

9. เสียงลำโพง (เสียงเรียกเข้า)

เช็คเสียงจากลำโพงด้านล่างโดยการทดสอบปรับเปลี่ยนเสียงเรียกเข้า ลำโพงส่วนนี้จะต้องดัง เช็คเสียงลำโพงทำได้โดยไปที่

  • Settings> Sounds> Ring And Alert
  • การตั้งค่า> เสียง> เสียงกริ่งและเสียงเตือน

ลองปรับระดับดูหรือจะเข้า Youtube เปิดเพลงในนั้นก็ได้เช่นกัน

10. เสียงลำโพงหูฟัง

ทดสอบลำโพงส่วนนี้โดยการโทรออกผ่านซิมเบอร์มือถือเช็คว่าได้ยินหรือไม่และชัดหรือเปล่า (อย่าลืมดึงพลาสติกคลุมหน้าจอออก) และทดสอบเพิ่มโดยการโทร Facetime แบบเสียงว่าได้ยินหรือไม่

11. ไมค์

ไมค์จะอยู่ด้านล่างทดสอบโดยการโทรออกและการใช้แอปบันทึกทึกเสียง อีกทั้งแนะนำให้นำหูฟังมาทดสอบพร้อมขั้นตอนนี้ได้เลย

12. เซ็นเซอร์ปิดจอขณะโทร

การโทรเข้า-ออก เวลาที่เราเอาจอแนบหู จอแสดงผลต้องดับลงเซนเซอร์ดังกล่าวจะอยู่ติดกับกล้องหน้า  วิธีทดสอบให้โทรออกแล้วใช้นิ้วชี้ปิดบริเวณนั้น ถ้าจอดับก็ถือว่าผ่าน

call-sensor

13. WiFi

ทดสอบโดยเข้าไปที่ Settings (การตั้งค่า) > Wi-Fi > On ว่าสามารถรับสัญญาณได้ไหมหรือเจอสัญญาณ Wi-Fi หรือไม่มากน้อยเพียงใด ปัญหาบางครั้งพบว่า Wi-Fi เมื่อเปิดใช้งานจะพบตัวปล่อยสัญญาณน้อย ลองเทียบกับเครื่องอื่น(ถ้าหากมีเพื่อนไปด้วย) เปิดดูว่าสัญญาณ Wi-Fi ที่ตรวจจับได้นั้นพอๆ กันหรือเปล่า

14. Bluetooth

ทดสอบ Bluetooth โดยเข้าไปที่ Settings (การตั้งค่า)> Bluetooth (บลูทูธ) > On   เปิดสัญญาณแล้วเช็คว่าเจออุปกรณ์ใดหรือไม่ (ในพื้นที่นั้นต้องมีอุปกรณ์ที่ใช้ Bluetooth อยู่ หรืออาจจะนำอุปกรณ์บลูทูธอย่างหูฟังไปด้วยก็ได้)

15. กล้องหน้า-หลัง พร้อมแฟลชและ Live Photos

ลองใช้กล้องถ่ายรูปว่าและแฟลช ลองแตะเพื่อปรับโฟกัสภาพ (tap to focus) โดยลองแตะบริเวณที่สว่างที่สุด หรือที่มืดที่สุด จากภาพในกล้อง ซึ่งปรกติแล้วกล้องจะต้องปรับความสว่าง และโฟกัสภาพไปที่บริเวณที่แตะ รูปที่ถ่ายสีต้องไม่เพี้ยน ลองซูมเข้า – ออกดู

ทดสอบแฟลชกล้องหลังโดยการเปิดแฟลชถ่ายหรือการเปิดไฟฉาย

ทดสอบแฟลชกล้องหน้าสำหรับ iPhone 6s, 6s Plus, SE เนื่องจากทั้ง 3 รุ่นนี้รองรับ Retina Flash

ทดสอบการถ่าย Live Photos บน iPhone 6s, 6s Plus และ SE โดยการเปิดใช้ที่ตรงกลางด้านบน ลองถ่ายและลองเปิดดูภาพที่ภ่าย

live-photo

16. ทดสอบชาร์จแบตเตอรี

นำสายชาร์จที่มาพร้อมเครื่องทำการทดสอบชาร์จด้วยคอมพิวเตอร์หรือแบตสำรอง จากนั้นดูว่าแบตเพิ่มขึ้นหรือไม่

17. ทดสอบเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์

ถ้าซื้อที่หน้าร้านของ TrueMove H, AIS, Dtac หรือ iStudio แนะนำว่าให้พนักงานลองเชื่อมต่อ iPhone เข้ากับคอมฯ แล้วดูว่า iTunes มองเห็น iPhone เครื่องนั้นๆ หรือเปล่า

18. 3D Touch

ตรวจสอบระบบ 3D Touch โดยจะเฉพาะรุ่น iPhone 6s, 6s Plus เท่านั้น  เปิดใช้งานได้ที่

  •  Settings> General> Accessibility> 3D Touch
  • การตั่งค่า> ทั่วไป> การช่วยการเข้าถึง> 3D Touch

เลือกให้เป็นเปิด จากนั้นออกไปที่หน้าจอหลักแล้วกดค้างที่ไอคอนกล้องถ่ายภาพ ถ้ามีเมนูโผล่ออกมาเหมือนภาพด้านล่างก็แสดงว่าใช้งานได้ปกติ

iPhone-6s-3D-Touch-800x424

19. เซนเซอร์การหมุนจอ

control-center-ios9ทดสอบการหมุนจอโดยเปิด Control Center หรือส่วนควบคุม (ลากหน้าจอจากด้านล่างขึ้นบน) ปิดการล้อกการหมุนจอ (ทำให้เป็นสีเทา)

จากนั้นเปิดแอป Note (โน้ต) ขึ้นมาแล้วหมุน iPhone ให้เป็นแนวนอน ถ้าจอหมุนก็ถือว่าปกติ

20. หน้าจอ Dead & Bright Pixel

ทดสอบหาจุดของ LCD ที่เสียวิธีสังเกตุง่ายๆ คือ เมื่อเปิดดูสีใดๆ ใน 5 สีคือ ดำ ขาว แดง เขียวและน้ำเงิน สีนั้นๆ จะต้องแสดงเป็นสีเดียวกันทั้งหมด เช่น ทดสอบสีดำจอต้องดำหมดห้ามมีจุดสีขาวขึ้นมา (ถ้ามีจุดสีขาวโผล่มาเรียก Bright Pixel) หรือทดสอบสีขาวห้ามมีสีดำโผล่มา(ถ้ามีดำโผล่มาเรียก Dead Pixel)

iphone-dead-pixel-test

การทดสอบเปิด Safari ให้ไปที่เว็บ http://jasonfarrell.com/misc/deadpixeltest.php ผ่านทาง iPhone จากนนั้นหมุนจอให้เป็นแนวนอนแล้วเลือกสีที่ต้องการทดสอบ ซูมเพื่อให้สีนั้นเต็มจอและเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช็คดูว่ามีจุดที่เสียหรือเปล่า

21. GPS

ทดสอบระบบ GPS โดยการเปิดแอปแผนที่หรือ Maps ใน iOS และแตะที่ปุ่มระบุตำแหน่งปัจจุบันที่มุมล่างช้าย maps-location-icon

เพื่อระบุพิกัดล่าสุด

อย่าลืมเปิด Location Service ก่อนโดยไปที่

  • Settings> Privacy> Location Services> On
  • การตั้งค่า> ความเป็นส่วนตัว> บริการหาตำแหน่งที่ตั้ง> เปิด

22. Siri

ทดสอบ Siri  โดยการกดปุ่มโฮมค้างไว้ ลองคุยกับมันซัก 1 ประโยคว่ารับคำสั่งและตอบได้หรือไม่ (ต้องเปิดอินเตอร์เน็ตจึงจะใช้งาน Siri ได้) วิธีเปิด Siri

  • Setting> General> Siri
  • การตั้งค่า> ทั่วไป> Siri

23. ทดสอบเข็มทิศ

เปิดแอปเข็มทิศหรือ Compass ขึ้นมาจากนั้นลองหันไปยังทิศทางที่เรารู้จัก เช็คว่าทิศทางถูกต้องหรือไม่

24. ทดสอบระบบ 3G, 4G

ใส่ซิมที่รองรับ 3G, 4G (สอบถามกับทางเครือข่ายว่าซิมที่เราใช้อยู่นั้นรองรับหรือเปล่า) จากนั้นทดสอบเปิดการใช้งานผ่านเซลลูลาร์ เปิดได้ที่

  • Settings> Cellular> Cellular Data = On > Cellular Data Options> Enable 4G = Data Only
  • การตั้งค่า> เซลลูลาร์> ข้อมูลเซลลูลาร์ = เปิด > ตัวเลือกข้อมูลเซลลูลาร์> เปิดใช้งาน 4G> ข้อมูลเท่านั้น

25. Gyroscope

ทดสอบ Gyroscope  โดยโหลดแอพพวก Gyroscope มาลองใช้งานดู ถ้าค่าต่างๆ ไม่เปลี่ยนแปลงเลยเมื่อขยับตัวเครื่องแปลว่าเซ็นเซอร์มีปัญหาก็เป็นได้

ซื้อเครื่อง iPhone มือ 2 ที่ต้องดูเพิ่มเติม

Spigen - iPhone 6 Full Cover Glass (9)

ส่วนการเลือกซื้อเครื่องมือ 2 การเช็คเครื่องโดยทั่วไปจะคล้ายๆ กับการตรวจสอบเครื่องใหม่ ซึ่งท่านจะต้องตรวจสอบด้วยและจะมีสิ่งที่ท่านต้องตรวจสอบเพิ่มเติม ดังนี้

  • IMEI ภายในเครื่องและตัวเคสจะต้องตรงกัเพราะบางเครื่องซ่อมและเปลี่ยนบอดี้มาตัวเคสนั้นรหัส IMEI จะเปลี่ยนไปเราจะรู้ทันที่ว่าผ่านการซ่อมมาแล้ว
  • Find My iPhone หรือค้นหา iPhone ของฉันใน iCloud ต้องปิด และต้องเอา IMEI ที่แสดงในตัวเครื่องไปเช็คที่ www.icloud.com/activationlock และสถานะต้องเป็นปิดเท่านั้น ถึงจะซื้อได้
  • การทำงานของหน้าจอระบบสัมผัสยังทำงานได้ดีหรือไม่  เปิดปุ่ม Assistive Touch (ปุ่มโฮมหน้าจอ) ขึ้นมาแล้วจิ้มค้างพร้อมลากให้ทั่วจอ ถ้าลื่นไหลไม่สะดุดแสดงว่าหน้าจอยังโอเคอยู่
  • ตรวจสอบความชื้น ปกติเครื่อง iPhone และ iPod ส่วนใหญ่จะมีแถบวัดความชื้น (LCI) ที่สามารถเห็นได้จากด้านนอก ถ้าแถบวัดความชื้นนั้นเป็นสีแดง แสดงว่าเครื่องอาจจะโดนน้ำมาหรือเจอความชื้นเยอะ ประกันจะขาดทันที(เคลมไม่ได้แม้ประกันจะยังเหลือ) วิธีการเช็คแถบวัดความชื้น iPhone แต่ละรุ่นดูได้ที่นี่

ข้อมูลทั้งหมดนี้คาดว่าน่าจะเพียงพอในการช่วยเป็นแนวทางในการตรวจเช็คเมื่อรับเครื่อง iPhone ใหม่หรือซื้อเครื่องมือ 2 ทั้งนี้หากซื้อเครื่องมือ 1 มาแล้วเกิดมีปัญหาภายใน 1 ปี สามารถติดต่อเคลมได้กับตัวแทนจำหน่ายหรือที่ AASP ได้ทั่วประเทศนะครับ

บทความเรื่อง ซื้อ iPhone เช็ค อะไรบ้าง สำหรับการเลือกซื้อทั้งเครื่องใหม่และมือ 2 เวอร์ชัน 2016 โดยทีมงาน iPhoneMod.net
เผยแพร่เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2559

The post ซื้อ iPhone ต้องเช็คอะไรบ้าง สำหรับการเลือกซื้อทั้งเครื่องใหม่และมือ 2 เวอร์ชัน 2016 appeared first on iPhonemod.

ใหม่วิธี Logout Facebook Messenger บน iPhone

$
0
0

วิธี Logout Facebook Messenger บน iPhone แบบใหม่ที่จะมาแนะนำวันนี้จะช่วยแก้ปัญหาในจุดที่ว่าหลังจากอัปเดต Messenger เวอร์ชันใหม่แล้วเมนู Logout นั้นหายไป จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไร วันนี้ทีมงานมีตำตอบมาให้ชม

facebook-messenger-ipad-dst

 

Logout Facebook Messenger บน iPhone

สามารถทำได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนต่อไปนี้

เปิดแอป Facebook ใน iPhone > More (เพิ่มเติม)> Settings (การตั้งค่า)> Account Settings (การตั้งค่าบัญชีผู้ใช้)

วิธี Logout Facebook Messenger บน iPhone

เลือก Security (ความปลอดภัย)> Active Session (เซสชันที่ใช้งานอยู่)

logout-messenger-iphone-02

สังเกตที่ Device Type : Unknown (ประเภทอุปกรณ์:ไม่ทราบ) เมื่อเจอแล้วให้แตะที่เครื่องหมาย x เพื่อทำให้เซสชันที่กำลังใช้งานอยู่นั้นหยุด จากนั้นเมื่อกลับไปที่แอป Facebook Messenger อีกครั้งจะพบข้อความว่า Session Expired หรือ เซสชันหมดอายุแล้ว ให้กด OK เพื่อกลับไปที่หน้าเริ่มต้นล็อกอินใหม่

logout-messenger-iphone-03

หากบทความถูกใจสามารถแชร์ให้เพื่อนๆ ผ่านทาง LINE, Facebook และ Twitter กันได้นะครับ

The post ใหม่วิธี Logout Facebook Messenger บน iPhone appeared first on iPhonemod.

วิธีโพสรูปถ่าย 360 องศาลง Facebook

$
0
0

วันนี้(10/6/59) แจ้งข่าวให้ทราบกันไปแล้วว่า Facebook รองรับการถ่ายภาพ 360 องศา เป็นที่เรียบร้อยแล้วการรับชมง่ายๆ เพียงต้องอัปเดต Facebook V.57 ตัวล่าสุดแล้วจะสามารถดูภาพถ่ายแบบ 360 องศาได้ วันนี้ทีมงาน iPhoneMod จะมาสอนวิธีการโพส รูปถ่าย360 ลง Facebook กันครับ

รูปถ่าย 360

รูปถ่าย 360 องศา โพสลง Facebook ยังไง?

ก่อนที่จะโพสเราต้องมีรูปที่จะโพสก่อน

จะหารูปมาจากไหนหละ? ถ้าใน iPhone นั้นใช้กล้องที่มาพร้อม iPhone ถ่ายโหมด Panorama (พาโนรามา) ได้เลย ภาพที่ได้จะกว้างแต่ว่ายังไม่ครบถึง 360 องศานะ ดังนั้นต้องอาศัยแอป Google Street View หรือ Cycloramic มาช่วยถ่ายด้วยก็จะสะดวกกว่าครับ

เมื่อได้รูปถ่ายแล้วขั้นตอนต่อไปคือ

อัปโหลดผ่านแอป Facebook เวอร์ชันล่าสุด หรือผ่านแอป Photos ของ iOS หรือได้เลย

อัปโหลดผ่าน Facebook

รูปถ่าย 360 ที่ได้จาก Google Street View หรือภาพพาโนรามาจาก iPhone สามารถใช้อัปโหลดได้ เพียงเลือกรูปจากคลังภาพจะเห็นไอคอนวงกลมคล้ายๆ รูปโลกที่มุมล่างขวาของรูป แสดงว่ารูปนั้นรองรับ 360 เราสามารถเลือกโพสได้เลย

ปล. ห้ามปรับสีของรูปเพราะจะไม่สามารถอัปโหลดแบบ 360 ได้

take-360-photo-streetview-04

อัปโหลดผ่าน Photos

ปเปิดรูปที่ต้องการแล้วกดแชร์ไปยัง Facebook แล้วรอให้อัปโหลดให้เสร็จ ซึ่งควรทราบข้อมูลว่า รูปพาโนรามาแบบนี้ขนาดจะใหญ่กว่ารูปปกติ ดังนั้นการอัปโหลดจะช้ากว่า

Screenshot 2016-06-10 19.19.51

การดูรูปถ่ายต้องทำอย่างไร?

ใน iPhone ต้องอัปเดต Facebook ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดจากนั้นหากรูปไหนที่รองรับการชมแบบ 360 องศาเราจะเห็นไอคอนแบบนี้

Screenshot 2016-06-10 19.16.24ในรูป สิ่งที่ต้องทำคือ แตะเพื่อทำให้ภาพนั้นเต็มจากนั้นลองจับ iPhone ให้นิ่งแล้วเราก็หมุนตัวเราไปรอบๆ ก็จะเห็นรูปนั้นนั่นเอง (หรือจะใช้นิ้วลากไปเรื่อยๆ ก็ได้เช่นกัน)

เพียงเท่านี้เราก็จะได้ทราบวิธีการโพสรูป 360 องศาและการชมรูปดังกล่าวได้แล้ว

ขอบคุณน้องหญิงมากๆ นะครับที่บอกเทคนิคนี้ให้พี่รู้  🙂

บทวามโดย iPhoneMod.net

The post วิธีโพสรูปถ่าย 360 องศาลง Facebook appeared first on iPhonemod.

ถ่ายรูป 360 องศาลง Facebook ด้วย Google Street View บน iPhone

$
0
0

Facebook ประกาศรองรับภาพถ่ายแบบ 360 องศากันไปแล้ววันนี้ผมจะสอนวิธีการ ถ่ายรูป 360 องศา บน iPhone, iPad ด้วยแอปที่ชื่อว่า Google Street View เมื่อถ่ายเสร็จแล้วเราสามารถอัปโหลดภาพที่ได้ขึ้นบน Facebook ได้ทันที

วิถี ถ่ายรูป 360 ด้วย Google Steet View

ถ่ายรูป 360

ติดตั้งแอป Google Street View จาก App Store เลือกที่ กล้องถ่ายรูป เพื่อเริ่มถ่าย

เลื่อนวงกลมสีขาวให้ทับวงกลมสีส้ม เป็นขั้นตอนการภ่ายภาพในแต่ละจุด ทำไปซ้ำๆ จนกว่าจะครบ 360 องศา

take-360-photo-streetview-02

วิธีสังเกตุว่ารูปที่ถ่ายนั้นครบ 360 องศาแล้วหรือไม่ ให้ดูที่ปุ่มชัตเตอร์ตรงกลางจะเป็นสีเขียว

take-360-photo-streetview-03

หลังเลือกที่ปุ่มสีเขียวแล้วระบบจะเริ่มประมวลผลภาพโดยการรวมหลายๆ ภาพที่เราถ่ายให้เหลือรูปเดียว ขั้นตอนนี้ต้องรอสักครู่เพราะอาจจะใช้เวลาช้านานไม่เท่ากัน

take-360-photo-streetview-04

รูปที่ได้จะอยู่ใน Photos ของ iPhone แล้วขั้นต่อไปก็เพียงนำไปอัปโหลดผ่านแอป Facebook เวอร์ชันล่าสุดได้เลย ข้อสังเกตุหากรูปไหนรองรับแบบ 360 องศาจะเห็นไอคอนกลมๆ ด้านล่างขวา

หากใครยังไม่ทราบว่าต้องโพสรูป 360 องศาลง Facebook ยังไง ลองอ่านที่นี่ครับ

 

The post ถ่ายรูป 360 องศาลง Facebook ด้วย Google Street View บน iPhone appeared first on iPhonemod.

วิธีปิด Photos ไม่ให้เปิดเองเมื่อเสียบ Memory Card หรือ iPhone เข้า Mac

$
0
0

รู้สึกปวดหัวหรือรำคาญทุกครั้งที่เสียบ Memory Card หรือ iPhonne, iPad เข้าเครื่อง Mac วันนี้ผมมีวิธีการปิดไม่ให้แอป Photos นั้นเปิดขึ้นมาอัตโนมัติหลังจากที่เราเชื่อมต่ออุปกรณ์เหล่านั้นเข้าไป มี 2 วิธีให้เลือกดังนี้ครับ

ปิดแอป Photos ไม่ให้เปิดอัตโนมัติบน macOS

วิธีที่ 1 ปิดรายอุปกรณ์

หลังเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้าไปแล้วหาก Photos เปิดมาแบบนี้ให้เอาเครื่องหมายที่หน้า Open Photos for this device ออก จากนั้นครั้งต่อไปเมื่อเราเสีย (ในรูป iPhone SE) อีกครั้ง ตัวแอปนี้จะไม่เปิดขึ้นมาเองแล้ว

ข้อดีคือง่าย ข้อเสียคือ ทำได้แค่อุปกรณ์เดียว

disable-auto-run-photos-app-macos-01

วิธีที่ 2 ปิดด้วย Command Line

แบบที่ 2 นี้แบบนี้ใช้คำสั่งเดียวผ่าน terminal จบเลย ไม่ว่าจะเสียบอุปกรณ์สักกี่ตัวแอป Photos ก็จะไม่เปิดขึ้นเองอีกแล้ว งานนี้เหมาะสำหรับคนที่มีอุปกรณ์เยอะ

ขั้นตอนคือ เปิดแอป terminal ใน macOS  แล้วใช้คำสั่ง

defaults -currentHost write com.apple.ImageCapture disableHotPlug -bool YES

Screenshot 2016-06-12 10.55.57

สั่งแบบนี้แล้วลงท้ายด้วย YES หมายถึง เราจะไม่ให้ Photos มันเปิดเอง  แต่ถ้าอยากให้มันกลับมาเหมือนเดิม เราก็แค่เปลี่ยนตัวท้ายสุดเป็น NO

disable-auto-run-photos-app-macosเพียงเท่านี้เมื่อเสียบ Memeory Card, iPhone, iPad เจ้าแอป Photos ก็จะไม่เด้งมากวนใจอีกแล

 

The post วิธีปิด Photos ไม่ให้เปิดเองเมื่อเสียบ Memory Card หรือ iPhone เข้า Mac appeared first on iPhonemod.

Facebook บนระบบ iOS สามารถโพสต์สถานะด้วยสติกเกอร์ได้แล้ว

$
0
0

ไม่เพียงแค่ความสามารถ Facebook เปิดให้ผู้ใช้แสดงความเห็นด้วยวิดีโอ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น อีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่มาพร้อมกันก็คือ “โพสต์สถานะด้วยสติกเกอร์” ที่น่าสนใจไม่แพ้ไปกว่าการโพสต์รูป 360 องศา และที่สำคัญคือฟีเจอร์นี้ เปิดใช้บนระบบปฎิบัติการ iOS เท่านั้น (ณ ขณะที่เขียนบทความ)

FB Sticker 1

วิธีโพสต์สถานะด้วยสติ๊กเกอร์

สำหรับวิธีการนั้นไม่ยากเลย ขั้นแรกคือต้องทำบนระบบปฏิบัติการ iOS (ทดสอบกับ iPad ยังไม่ได้ในตอนนี้) ที่สำคัญคือต้องอัปเดตแอปพลิเคชัน Facebook ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด ไปที่สถานที่ต้องการโพสต์ > ความรู้สึก/กิจกรรม > สติกเกอร์ > เลือกที่ต้องการ

FB Sticker 2

จากนั้นก็พิมพ์ข้อความที่ต้องการแล้วโพสต์เป็นอันจบ (ง่ายจัง) โดยสิ่งที่เราโพสต์หากดูบนคอมพิวเตอร์จะมีการจัดหน้ากึ่งกลางอย่างสวยงาม ช่วยในการขายของได้อีกทางหนึ่ง แต่ที่สำคัญคืออาจทำให้เพื่อนที่ไม่ได้ใช้ iPhone เกิดความประหลาดใจ (ณ ตอนนี้) ว่าทำยังไงหว่า ?

ในอนาคตคาดว่าจะเปิดให้ใช้ในทุกระบบครับ
แต่ในตอนนี้มาเล่นก่อนใครกันเถอะ !

The post Facebook บนระบบ iOS สามารถโพสต์สถานะด้วยสติกเกอร์ได้แล้ว appeared first on iPhonemod.


ตั้งค่า facebook เข้าระบบแบบ 2 ชั้น ด้วยรหัสผ่านและ SMS

$
0
0

เห็นข่าวในทีวีมาเยอะเรื่องที่ว่าโดนแฮ้ค Facebook แล้วส่งข้อความไปขอยืมเงินจากเพื่อนในรายชื่อทำให้ต้องไปร้องขอความช่วยเหลือจากทางตำรวจ วันนี้ผมจะสอนวิธีการป้องกันตนเองเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น โดยเราจะทำการ ตั้งค่า facebook เข้าระบบแบบ 2 ชั้น กันครับ

fb 2step login

2 Step Verification หรือการเข้าระบบ 2 ชั้น

ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ หากใครใช้แอปธนาคารก็คงต้องเคยรับ SMS ยืนยันก่อนการโอนเงินใช่ไหม?  นั่นแหละครับถือเป็นอีกหนึ่งของการเข้าระหัสแบบ 2 ชั้น ซึ่ง facebook ก็ทำเช่นนั้นได้เหมือนกัน

ตั้งค่า facebook เข้าระบบแบบ 2 ชั้น

ขั้นที่  1 นั่นคือเราต้องล้อกอินด้วยรหัสผ่าน(ถือเป็นเรื่องปกติ) ส่วนขั้นที่ 2 นั้นต้องรอ SMS ที่ทาง facebook จะส่งมาให้เพื่อยืนยันตัวตนก่อนจึงจะเข้าระบบได้(บางคงจะถามว่า ถ้ามือถือหายหรือไม่มีสัญญาณทำยังไง ผมมีบอกไว้ช่วงท้าย)

เริ่มโดยเข้าบัญชี Facebook ปกติบน iPhone, iPad ไปที่

  • เพิ่มเติม (More) > การตั้งค่า (Settings)

fb 2step login 01

  • การตั้งค่าบัญชีผู้ใช้ (Account Settings) > ความปลอดภัย (Security)>  ติ๊กถูกที่หน้า การอนุมัติการเข้าระบบเปิดอยู่ (Login Approvals On) 

fb 2step login 02

  • กรอกรหัสผ่านของ facebook> ระบบจะส่งรหัสไปยังเบอร์โทรที่เราลงทะเบียนเอาไว้ เช็คเบอร์ให้ถูกต้อง ถ้าไม่ถูกต้องให้ เปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ ก่อนดำเนินการต่อ > เริ่มการตั้งค่า

fb 2step login 03

  • จากนั้น facebook จะส่งข้อความมาให้เอาตัวเลขที่ได้นั้นมากรอกในช่องให้ถูกต้อง

fb 2step login 04

เพียงเท่านี้การตั้งค่าให้ facebook เข้าระบบ 2 ชั้นก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว (สามารถปิดได้หากต้องการ โดยเข้ามาเมนูเดิม)

การใช้งานหลังการตั้งค่า

ทุกครั้งที่เราล้อกอินเข้า facebook จากอุปกรณ์ใหม่ๆ อย่างเช่น คอมพิวเตอร์ที่บ้าน ที่ทำงานหรือคอมพิวเตอร์เพื่อนๆ หลังจากกรอก username/password ของ facebook เรียบร้อยแล้ว เราจะเห็นหน้าต่าง “ป้อนรหัสเข้าสู่ระบบของคุณ” รหัสในที่นี้หมายถึงตัวเลขที่ facebook ส่ง SMS ไปที่เบอร์โทรของเรา

แล้วถ้าเกิดไม่ได้รับ SMS หละ?

ให้เลือกที่ “ไม่ได้รับรหัสหรือเปล่า” 

Screenshot 2016-06-15 17.08.21

แล้วเลือกไปที่ “ส่งข้อความพร้อมรหัสเข้าสู่ระบบถึงฉัน” เพียงเท่านี้รหัสก็จะส่งไปที่เบอร์โทรของเรา

Screenshot 2016-06-15 17.08.30

ตัวอย่างของการล้อกอินผ่านแอป facebook บน iOS เช่นเดียวกันครับคือ ใส่รหัสผ่านส่วนตัวของเราก่อน จากนั้นรอ SMS จาก facebook แล้วนำมายืนยัน (ถ้าไม่ได้ SMS ก็ทำตามขั้นตอนด้านบน)

facebook เข้าระบบแบบ 2 ชั้น

ถ้ามือถือหาย ซิมหายหรือไม่มีคลื่นจะทำไง?

facebook จะสร้างตัวเลข 8 หลักจำนวน 10 ชุดเอาไว้ให้ ซึ่งเลขชุดเหล่านี้สามารถนำมาล้อกอินเข้าระบบได้ทันทีโดยไม่ต้องกรอกรหัสผ่านส่วนตัวของเราหรือรอรับ SMS แต่อย่างใด

รหัสที่ถูกใช้แล้วจะไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกและหากว่ารหัสถูกใช้ใกล้หมดแล้วสามารถขอให้ facebook สร้างรหัสเพิ่มเติมให้ได้

รหัสนั้นหาได้จากที่ไหน?

ที่เมนูการตั้งค่าความปลอดภัยที่เดิม ให้เลือกที่ รหัสการอนุมัติการเข้าสู่ระบบ (Login Approvals Code) ก็จะเห็นรหัสทั้ง 10 ชุดเหล่านั้น

fb 2step login 06 edit

เพียงเท่านี้ เราก็จะเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชี facebook ของเราได้แล้ว ส่วนถ้าใครทำขั้นตอนนี้แล้วอยากจะให้ทุกอุปกรณ์นั้นออกจากระบบ (Logout) โดยให้เหลือเฉพาะอุปกรณ์ปัจจุบัน แนะนำให้ดูบทความนี้เพื่อเป็นการลบ Session การใช้งานนะได้เช่นกันครับ

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • ตั้งรหัสผ่าน facbook ให้มีความปลอดถัยยากต่อการคาดเดา
  • ตั้งรหัสผ่านของ email ที่สมัคร facebook ให้มีความปลอดภัยยากต่อการคาดเดา(เช่น Gmail สามารถทำการล็อคอินแบบ  2 ชั้นได้เช่นกัน)
  • ไม่ควรรับเพื่อนแปลกหน้าที่เราไม่รู้จัก หรือบัญชี facebook แปลกๆ ที่เพิ่งสมัครมา โดยใช้รูปโปรไฟล์ สาวสวยนมโตหรือหนุ่มหล่อกล้ามใหญ่ มาล่อขอเป็นเพื่อนกับเรา เพราะบัญชีหลอกเหล่านั้นอาจจะมาจากผู้ที่ไม่หวังดีก็เป็นได้
  • หมั่นเปลี่ยนแปลงรหัสผ่านอยู่เสมอ
  • เมื่อไม่ใช้บริการคอมสาธารณะควรจะออกจากระบบทันที
  • หากตั้งค่าการล้อคอิน 2 ชั้นแล้วควรเก็บรักษาเบอร์โทรให้ดี, iPhone ควรตั้งค่าไม่ไห้แสดงข้อความที่หน้า Lockscreen และควรใส่รหัส Passcode ล้อกจอเอาไว้ด้วย

ด้วยความปราถนาดีจากทีมงาน iPhoneMod.net

The post ตั้งค่า facebook เข้าระบบแบบ 2 ชั้น ด้วยรหัสผ่านและ SMS appeared first on iPhonemod.

วิธีสลับบัญชี Facebook Messenger บน iPhone

$
0
0

บางท่านอาจจะมี Facebook ถึง 2 บัญชีด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่และมีความประสงค์ที่จะใช้งานผ่าน Facebook Messenger ทั้ง 2 บัญชี เดิมทีนั้นหนึ่งบัญชีใช้บนแอปและอีกหนึ่งก็ใช้งาน Safari ล่าสุดมีวิธีที่ง่ายกว่านั้นคือ การใช้ทั้ง 2 บัญชีผ่าน Facebook Messenger ได้เลย

เพียงทำตามวิธีต่อไปนี้

facebook-messenger-swap-ios

ขั้นที่ 1 อัปเดต Facebook Messenger ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด (ผมทดสอบด้วย V.77.0) ดาวน์โหลดตามลิงก์ด้านล่างครับ

ขั้นที่ 2 

เปิดแอป Messenger ขึ้นมาเลือกไปที่มุมล่างขวาที่ Me(ฉัน)> Switch Account (สลับบัญชีผู้ใช้) 

เลือกที่เครื่องหมาย + ที่มุมบนขวา จากนั้นเข้าระบบด้วย Facebook อีกบัญชีได้เลยครับ

facebook-messenger-switch-account

เพียงเท่านี้เราก็จะสลับการใช้งานระหว่าง 2 บัญชี Facebook ใน Facebook Messenger ได้แล้ว ลองเอาไปใช้ดูนะครับผม

ดาวน์โหลด Facebook Messenger ได้ฟรีที่ App Store

The post วิธีสลับบัญชี Facebook Messenger บน iPhone appeared first on iPhoneMod.

วิธีถ่ายวีดีโอด้วย iPhone ขณะหน้าจอล็อคแบบไม่ต้อง Jailbreak

$
0
0

อีกหนึ่งปัญหาที่ผู้ใช้ iPhone ต้องเจอระหว่างการถ่ายวีดีโอผ่าน iPhone คือ จำนวนแบตเตอรี่ลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีวิธีที่จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ขณะอัดวีดีโอนั่นก็คือ การถ่ายวีดีโอด้วย iPhone ขณะหน้าจอล็อคอยู่

วิธีนี้ใช้ได้สำหรับ iPhone ที่มี iOS 9.x เท่านั้น

ประโยชน์ที่ได้รับจากการอัดวีดีโอด้วย iPhone ขณะหน้าจอล็อคอยู่ คือ

  1. ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ระหว่างการบันทึกวีดีโอ เพราะไม่มีการใช้พลังงานในการแสดงผลที่หน้าจอ
  2. ถนอมสายตาขณะอัดวีดีโอในที่มืดหรือแสงน้อย
  3. ช่วยซ่อนไม่ให้คนอื่นทราบว่าเรากำลังอัดวีดีโออยู่
  4. อัดวีดีโอได้ยาวนานขึ้น (ผลมาจากแบตเตอรี่)
  5. เครื่องร้อนน้อยลงขณะอัดวีดีโอ

วิธีการเป็นอย่างไรนั้น เรามาชมกันเลย

ขั้นตอนอัดวีดีโอขณะหน้าจอล็อคอยู่

ขั้นตอนที่ 1 เข้าสู่หน้าจอล็อคปกติ ใช้นิ้วกดตรงรูป “กล้อง” ค้างไว้ แล้วสไลด์ขึ้นด้านบนค้างไว้แบบไม่ต้องสุด (กดค้างไว้อย่าปล่อย)

iPhone-VDO-Lock-1

ขั้นตอนที่ 2 ใช้นิ้วมืออีกข้างเลื่อนจาก “Photo” เป็น “Video”

iPhone-VDO-Lock-2-2

ขั้นตอนที่ 3 กดปุ่ม Record สีแดง เพื่อเริ่มบันทึกวีดีโอ

iPhone-VDO-Lock-3-3

ขั้นตอนที่ 4 ใช้นิ้วกดปุ่ม Home รัว 2 ครั้ง จำนวน 3 ชุด (11 … 22 … 33)
หรือ (กด กด …. กด กด …. กด กด) โดยไม่ต้องปล่อยนิ้วมือที่สไลด์ขึ้นด้านบนค้างไว้

iPhone-VDO-Lock-4-4

ขั้นตอนที่ 5 รอจนกว่าหน้าจอดับ เท่านี้วีดีโอก็จะถูกอัดขณะที่หน้าจอล็อคอยู่

iPhone-VDO-Lock-6-6

หากต้องการหยุดการอัดวีดีโอให้กดปุ่ม Home “1 ครั้ง” จะมีเสียงสัญญาณหยุดการอัดวีดีโอดังขึ้น

วิธีการถ่ายวีดีโอลักษณะนี้มีข้อเสียคือระหว่างการบันทึกวีดีโอเราจะไม่สามารถเห็นรายละเอียดบนหน้าจอเลย อาจส่งผลให้วีดีโอที่อัดเบลอ โฟกัสผิดจุด หรือบันทึกในจุดที่เราไม่ต้องการ

ดังนั้นวิธีนี้จึงเหมาะกับการอัดวีดีโอแบบนิ่งไม่เคลื่อนไหววัตถุไปมา หรือเหมาะสำหรับการอัดแบบ Time lapse เป็นอย่างมาก

ชมวีดีโอสาธิตที่นี่

ลองเอาเทคนิคนี้ไปใช้กันดูนะครับ

ขอบคุณเทคนิคดีๆจาก – iDeviceHelp

 

The post วิธีถ่ายวีดีโอด้วย iPhone ขณะหน้าจอล็อคแบบไม่ต้อง Jailbreak appeared first on iPhoneMod.

ตั้งเวลาปิดเพลงใน Apple Music ด้วยแอป Clock สำหรับ iPhone iPod และ iPad

$
0
0

หลายคนชอบฟังเพลงก่อนนอน แต่บางครั้งก็หลับจนลืมปิดเพลง ได้ยินกันถึงตอนตื่นนอนเลยทีเดียว หรือไม่ก็สะดุ้งตื่นตอนกลางดึกเพื่อมาปิดเพลงเป็นสาเหตุให้หลับต่อยากไปจนถึงนอนหลับไม่เพียงพอ

clock-ios

แอป Clock ใน iPhone iPod iPad สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ด้วยการตั้งเวลานับถอยหลังเป็นนาทีหรือชั่วโมง เพื่อให้เพลงใน Apple Music หยุดตามเวลาที่กำหนดไว้ วิธีตั้งเวลาปิดเพลงด้วยแอป Clock จะเป็นอย่างไร เรามาดูวิธีทำกันเลย

วิธีตั้งเวลาปิดเพลงใน Apple Music ด้วยแอป Clock

ขั้นตอนที่ 1. เปิดแอป Clock (นาฬิกา) > Timer (นาฬิกานับถอยหลัง)

StopMusic-01

ขั้นตอนที่ 2. เลื่อนตัวเลข ชั่วโมง : นาที เพื่อตั้งเวลานับถอยหลังตามที่ต้องการ

StopMusic-02

ขั้นตอนที่ 3. กดที่ When Timer Ends (เมื่อเวลาหมด) แล้วเลือก Stop Playing (หยุดเล่น) ที่อยู่ด้านล่างสุด แล้วกดที่ Set (ตั้ง)

StopMusic-03

ขั้นตอนที่ 4. กดที่ Start (เริ่ม) เพื่อเริ่มนับถอยหลัง

StopMusic-05

ขั้นตอนที่ 5. ไปที่แอป Apple Music เพื่อเปิดเพลงตามปกติ

StopMusic-04

เมื่อเวลานับถอยหลังหมดลง เพลงใน Apple Music จะหยุดโดยอัตโนมัติ หากใช้หูฟังในการฟังเพลงตอนนอนแนะนำว่า ไม่ควรตั้งเวลาให้นานเกินไปและเปิดด้วยเสียดังเต็มอัตรา เพื่อความปลอดภัยของแก้วหู แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรเปิดเพลงด้วยเสียงที่เบานอกจากจะช่วยให้ถนอมแก้วหูของเราแล้ว ยังช่วยให้หลับสนิทและพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ

ทางที่ดีก่อนนอนสัก 20 นาทีควรงดการเพ่งหน้าจอมือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆ รวมไปถึงควรปิดโทรศัทพ์มือถือก่อนนอน เพื่อไม่ให้รบกวนระหว่างการนอน ทำให้เราหลับสบายได้อย่างเต็มอิ่ม

นี่เป็น 1 ใน 15 ความสามารถของ iPhone ที่คุณอาจจะไม่เคยทราบมาก่อน ลองศึกษาเพิ่มเติมดูแล้วคุณจะรู้ว่า iPhone มันทำอะไรได้อย่างที่เราไม่เคยคิดมาก่อน

The post ตั้งเวลาปิดเพลงใน Apple Music ด้วยแอป Clock สำหรับ iPhone iPod และ iPad appeared first on iPhoneMod.

หาพิกัด Coordinate ละติจูด ลองติจูด บน Google Maps iPhone

$
0
0

แท้ทุกวันนี้การค้นหาสถานที่จะเป็นเรื่องง่ายเพราะว่าสถานที่ต่างๆ นั้นต่างก็ถูกเก็บเข้าฐานข้อมูลของ Google Maps เป็นที่เรียบร้อยแต่ทว่ายังมีสถานที่อีกไม่น้อยที่ไม่ได้อยู่บนแผนที่ แล้วเราจะทราบพิกัดของจุดตรงนั้นได้อย่างไร ข้อมูลพิกัดตำแหน่ง (Coordinate) ละติจูดและลองติจูดก็ยังมีความจำเป็นอยู่

วันนี้ผมจะสอนวิธีการค้นหาพิกัดค่าละติจูดและลองติจูดเหล่านั้นจากแอป Google Maps ซึ่งประโยชน์ส่วนนี้สามารถนำค่าไปใช้กับระบบนำทางอย่าง Apple Maps, Garmin หรือ Navigator นำทางรุ่นอื่นๆ ได้

ขั้นตอนการหา พิกัด บน Google Maps

เปิด Google Maps แล้วระบุตำแหน่งบนแผนที่ที่ต้องการและตรวจสอบให้ถูกต้องว่านั่นคือจุดที่เราต้องการไปแล้ว หรืออาจจะค้นหาในแผนที่ก็ได้เช่นกัน เช่น ตัวอย่างนี้ผมจะหาพิกัดของตึกสีลมคอมเพล็ก เมื่อเจอสถานที่ที่ต้องการแล้ว

สิ่งที่ต้องทำคือ

ปักหมุด หรือ Dropped Pin (กดลงไปที่ตำแหน่งใดๆ บนแผนที่) สถานที่จุดๆ นั้น

ย้ำนะว่าต้องให้ขึ้นสัญลักษณ์ Dropped Pin แล้วเท่านั้น ถ้าขึ้นชื่อสถานที่เราจะไม่ทราบค่าพิกัด  เมื่อปักหมุดเสร็จให้เลือก Share

google-maps-coordinate

ให้แชร์ไปที่ Notes โดยเลือกที่ Add to Notes ของ iOS ได้เลย

หลักจากนั้นให้เปิดเข้าไปที่ Notes แล้วเลือกเปิดตำแหน่งดังกล่าว

google-maps-coordinate-01

จากนั้นจะเด้งมายังหน้า Google Maps ผ่าน Safari หรือผ่านแอป Google Maps เพียงเท่านี้เราก็จะทราบพอกัดของสถานที่ดังกล่าวเป็นค่าตัวเลขระบุพิกัดละติจูดและลองจิจูดเป็นที่เรียบร้อย

google-maps-coordinate

นำค่าเหล่านี้ไปใส่ในระบบนำทางต่อไปได้เลย

 

The post หาพิกัด Coordinate ละติจูด ลองติจูด บน Google Maps iPhone appeared first on iPhoneMod.

Viewing all 87 articles
Browse latest View live